ภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้าน สิ่งที่ควรรู้ก่อนขายบ้าน
On พฤษภาคม 13, 2024 by kahalaการขายบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์นั้นมิใช่เพียงแค่การซื้อขายทรัพย์สินตามปกติทั่วไป แต่มีข้อกำหนดด้านภาษีที่ผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องทำความเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้าน ซึ่งเป็นภาษีจัดเก็บเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะต้องทำความรู้จักกับภาษีประเภทนี้ และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจขายบ้าน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจขายบ้าน ควรศึกษากฎเกณฑ์และวิธีการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะให้เข้าใจเสียก่อน เพื่อสามารถวางแผนและปฏิบัติตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง
ภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้านคืออะไร?
ภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้าน หรือที่เรียกว่า ภาษีธุรกิจเฉพาะ เป็นภาษีที่จัดเก็บจากการประกอบกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำรายได้มาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในชุมชน ภาษีนี้จะจัดเก็บจากผู้ประกอบธุรกิจขายบ้าน ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม และอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ
ใครต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้าน?
ผู้ที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้าน ได้แก่
นายหน้าอสังหาริมทรัพย์
บุคคลหรือนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจนายหน้าค้าขายอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ โดยมีรายได้จากค่านายหน้าขาย
ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินการก่อสร้างและขายโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม หมู่บ้านจัดสรร เป็นต้น
นอกจากนี้ บุคคลธรรมดาที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อนำมาขายต่อเป็นการค้าขาย ก็ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้านด้วยเช่นกัน
อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้าน
อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้านในปัจจุบันคือ 3% ของรายรับก่อนหักค่าใช้จ่าย โดยภาษีนี้จะถูกจัดเก็บจากราคาขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโดมิเนียม หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ รวมทั้งค่านายหน้าขายหากเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
ตัวอย่างเช่น หากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีรายรับจากการขายบ้านจัดสรรทั้งโครงการ 100 ล้านบาท บริษัทจะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตรา 3% คิดเป็นเงิน 3 ล้านบาท
วิธีการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้าน
การคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้านค่อนข้างตรงไปตรงมา โดยมีสูตรการคำนวณดังนี้
ภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้าน = รายรับก่อนหักค่าใช้จ่าย x 3%
กรณีนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
สำหรับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ รายรับก่อนหักค่าใช้จ่ายคือค่านายหน้าขายที่ได้รับจากการเป็นนายหน้านั้น ๆ
ตัวอย่างเช่น หากนายหน้ามีรายรับค่านายหน้าจากการขายบ้านจำนวน 1,000,000 บาท ภาษีธุรกิจเฉพาะจะคำนวณได้ดังนี้
ภาษีธุรกิจเฉพาะ = 1,000,000 x 3% = 30,000 บาท
กรณีผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์
สำหรับผู้พัฒนาโครงการ รายรับก่อนหักค่าใช้จ่ายคือรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด เช่น บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม เป็นต้น
ยกตัวอย่างเช่น หากบริษัทพัฒนามีรายรับจากการขายบ้านจัดสรร 80,000,000 บาท และรายรับจากการขายคอนโดมิเนียม 50,000,000 บาท รวมรายรับก่อนหักค่าใช้จ่ายเป็น 130,000,000 บาท ภาษีธุรกิจเฉพาะจะคำนวณได้ดังนี้
ภาษีธุรกิจเฉพาะ = 130,000,000 x 3% = 3,900,000 บาท
โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่าง ๆ เช่น ค่าก่อสร้าง ค่าที่ดิน ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้น จะไม่สามารถนำมาหักออกจากรายรับก่อนคำนวณภาษีได้
ขั้นตอนการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี
เมื่อคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้แก่กรมธรรม์สรรพากร โดยมีรายละเอียดดังนี้
ระยะเวลายื่นแบบและชำระภาษี
ภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้านจะต้องชำระเป็นรายเดือน โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
ตัวอย่างเช่น หากเป็นรายรับเดือนมกราคม ต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ หากเป็นรายรับเดือนกุมภาพันธ์ ต้องยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีภายในวันที่ 15 มีนาคม เป็นต้น
แบบแสดงรายการภาษี
แบบแสดงรายการภาษีที่ใช้สำหรับภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้าน คือ แบบ ภ.ธ.40 โดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากร หรือรับได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่
ในแบบแสดงรายการ ผู้ประกอบการต้องกรอกข้อมูลต่าง ๆ เช่น รายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์, จำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ, รายละเอียดโครงการ เป็นต้น
วิธีการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี
หลังจากกรอกข้อมูลในแบบ ภ.ธ.40 เรียบร้อยแล้ว ผู้ประกอบการสามารถยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีได้ 3 วิธีดังนี้
- ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่
- ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์กรมสรรพากร โดยจะต้องลงทะเบียนใช้บริการอิเล็กทรอนิกส์กับกรมสรรพากรก่อน
- ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านธนาคารหรือเคาน์เตอร์เซอร์วิสที่กรมสรรพากรรับรองการรับชำระภาษี
ไม่ว่าจะใช้วิธีใด เมื่อยื่นแบบแสดงรายการแล้ว ต้องนำหลักฐานการชำระภาษีไว้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นในรอบถัดไปด้วย
บทลงโทษสำหรับการไม่ชำระภาษี
การชำระภาษีเป็นหน้าที่ที่ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตาม หากไม่ยื่นแบบแสดงรายการหรือชำระภาษีตามกำหนดเวลา จะมีบทลงโทษดังนี้
เบี้ยปรับกรณีชำระภาษีล่าช้า
หากชำระภาษีเกินกำหนดเวลาแต่ไม่เกิน 2 เดือนนับจากวันครบกำหนดชำระ จะต้องเสียเบี้ยปรับอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของจำนวนเงินภาษีที่ค้างชำระ แต่หากเกินกว่า 2 เดือน อัตราเบี้ยปรับจะเพิ่มเป็น 2 เท่า คือร้อยละ 3 ต่อเดือน
ตัวอย่างเช่น หากค้างชำระภาษี 100,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน เบี้ยปรับที่ต้องชำระคือ
เดือนที่ 1: 100,000 x 1.5% = 1,500 บาท
เดือนที่ 2: 100,000 x 1.5% = 1,500 บาท
เดือนที่ 3: 100,000 x 3% = 3,000 บาท
รวมเบี้ยปรับ = 6,000 บาท
โทษทางอาญาสำหรับการหลีกเลี่ยงภาษี
นอกจากเบี้ยปรับแล้ว การหลีกเลี่ยงไม่ยื่นแบบแสดงรายการหรือไม่ชำระภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้าน ยังเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากรที่มีโทษทางอาญาด้วย โดยมีโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200% ของเงินภาษีที่ค้างชำระ หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้น เพื่อประโยชน์แก่ธุรกิจของตนเอง ผู้ประกอบการควรยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้านให้ครบถ้วนถูกต้องตามกำหนดเวลาเสมอ
บทสรุป
ด้วยความสำคัญของภาษีธุรกิจเฉพาะขายบ้าน ผู้ประกอบการจึงควรตระหนักถึงหน้าที่และปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ธุรกิจของตนดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและยั่งยืน พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่อชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย
Calendar
จ. | อ. | พ. | พฤ. | ศ. | ส. | อา. |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |